กาฬสินธุ์ |
กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่า เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 โดยท้าวโสมพะมิตร ได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงพร้อมไพร่พล และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวาย สวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองน้ำดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ” “สินธุ์” แปลว่า “น้ำ” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “น้ำดำ” ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาชัยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก |
อาณาเขต |
ทิศเหนือ จดจังหวัดอุดรธานี สกลนคร ทิศใต้ จดจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม ทิศตะวันออก จดจังหวัดร้อยเอ็ด มุกดาหาร ทิศตะวันตก จดจังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น และอุดรธานี |
กาฬสินธุ์ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 519 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 14 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสมเด็จ อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอท่าคันโท อำเภอเขาวง อำเภอห้วยเม็ก อำเภอคำม่วง อำเภอหนองกุงศรี อำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอร่องคำ กิ่งอำเภอสามชัย และกิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์มีเนื้อที่ทั้งหมด 7,055.07 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศตอนบนเป็นภูเขาตามแนวเทือกเขาภูพาน ตอนกลางเป็นเนินเขาสลับป่าโปร่ง |
เถื่อน มณีฉาย
เถื่อน
เพลง
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
จังหวัดกาฬสินธุ์
แว่นตา
ข้อดีและข้อเสียของการใส่แว่นและคอนแทค
ความจริงอันนี้เขียนไว้ และเคยเอาลงทั้งไดอีส และสเปซ มาแล้ว
แต่คิดว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อใครอีกหลายคน
ชาวไซเบอร์
วันนี้มีสาระนะ :P เขียนจากรประสบการณ์ตรงซึ่งอาจจะไม่ตรงกะของคนอื่นบ้าง ถือซะว่าแลกกัน ส่วนใครยังไม่เคยใส่ทั้งสองและกะลังประสบปัญหาสายตา (เริ่ม) สั้น ก็อ่านไว้เป็นความรู้ก่อนไปซื้อแว่น หรือคอนแทค ใส่
จขด. สายตาสั้นเพราะ
1. กรรมพันธุ์ (หรือป่าว) เพราะพ่อสายตาสั้นง่ะ ตอนนี้แก่แล้ว ยังไม่ยาวสักที 5 5 5
2. นอนหงายอ่านหนังสือ
3. เล่นคอมนาน
4. ตอนสั้นใหม่ ๆ ไม่รีบใส่แว่น
5. ตอนใส่แว่น ใหม่ ๆ ไม่ใส่ตลอด ใส่ ๆ ถอด ๆ (ความจริงควรถอดเฉพาะ เวลานอนหลับ และล้างหน้า)
เริ่มแรกรู้สึกว่าสั้นตอน ม. 3นั่งหลังห้องเริ่มมองไม่เห็นตัวหนังสือที่อาจารย์เขียน (ชอค์กบนกระดานเขียว) โทษอาจารย์มั่ว ว่าทำไมเขียนตัวหนังสือติดกันจัง มันเบลอ ๆ ชอล์คมันทู่หรือไงวะ 5 5 แต่พอไปดูใกล้ ๆ มันไม่ใช่ อาจารย์เขียนได้เคลียร์มาก ๆ ต๋ายละฮา สายตาสันนนนจบม. 3 มาเรียน ปี 1 ปวช. คราวนี้กระดานเปลี่ยนไป เป็นกระดานไวท์บอร์ด ปากกาไวท์บอร์ด เส้นเล็ก ๆ เวลาเขียนจะอ่านยากมาก ไม่ไหวแล้ว ไม่ชอบนั่งหน้าห้องเรียน มันกดดัน 5 5 5 ต้องตัดแว่นแระ ก็ไปวัดสายตาตัดแว่น อ่าาา โลกสดใสขึ้นทันตาเห็น (แต่ยังคงติดนิสัยนอนอ่านหนังสืออยู่ หาใช่หนังสือเรียนไม่!!!) สายตาเปลี่ยนก็เปลี่ยนแว่นใหม่ สิริรวม 3 อัน เลนส์ 4 คู่ -*- เปลืองตังค์มิใช่น้อย ก็ใส่แว่น (ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง) จนจบปี 1 มหาลัย
ตอนนี้เริ่มเล็งเห็นข้อเสียของแว่นตา
ตอนจะขึ้นปี 2 เป็นสันทนาการรับน้อง ไม่ไหวแล้ว ให้ใส่แว่นเต้นแร้งเต้นกา มันไม่สะดวก ก็เลยใส่คอนแทคดีกว่า ตอนแรกตื่นเต้วววมาก ๆ จำได้เรย ไปซื้อครั้งแรกที่ร้านกรุงไทยการแว่น ให้พี่คนขายสอนใส่ ว๊าววว ช่างเป็นนวัตกรรมที่น่าสรรเสริญอะไรเยี่ยงนี้ (ลอกของ มิชาเอล บัลลัค มา) แจ่มแจ้งชัดแจ๋วในระยะหลายร้อยเมตร ก็ใส่ ๆ มาจนต้นเทอมสองของปี 3 นี่แหละ
จากนั้นเกิดโศกนาฎกรรมขึ้น คือ มือไม่สะอาด มักง่าย จับคอนแทคใส่ตา ตาอันบอบบางรับไม่ได้ เลยประท้วงด้วยการอักเสบ กลายเป็นเดชไอ้บอดอยู่ราว ๆ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ใส่แว่นดีกว่า
ตอนนี้เริ่มเล็งเห็นข้อเสียของคอนแทคมาแระ
ตอนนี้ก็ใส่แว่นนะ บางวันอยากใส่คอนแทคก็จะใส่ เพราะที่ซื้อมาตุนไว้ยังมีอยู่ :P
แนะนำเรื่องวัดสายตา ลองวัดดูหลาย ๆ ร้าน หลาย ๆ ยี่ห้อ มันไม่เสียตังค์ :P รวมทั้งที่โรงพยาบาลด้วย เพราะว่าบางร้านไม่มีจรรยาบรรณน่ะ สายตาปกติ ก็หาว่าสั้นแล้ว พูดหว่านล้อมให้เราซื้อคอนแทค หรือ ตัดแว่นที่ร้านมัน เคยเจอมาแล้ว (เรื่องสายตากับร้านนี่ชั่วโมงบินสูงพอสมควร :P) จากนั้นค่อยตัดสินใจตัดแว่น หรือ ซื้อคอนแทคก็ยังมิสาย
อันนี้วัดจากจขด. โดยตรง(ขณะนี้ power ของแว่นและคอนแทคที่จขด. ใช้คือ -3.25 หรือเรียกกันติดปากว่า สั้น 325)
ข้อดีของแว่นตา
1. เลือกใช้เลนส์ EMI สำหรับกันแสงจากหน้าจอมอนิเตอร์ และเวลาตากแดดไม่แสบตา
2. ถอด และใส่สะดวก ไม่ต้องล้างมือ เพียงแค่มีผ้าเช็ดเลนส์มัลติโค้ดเช็ดให้มันใส ๆ ก็พอ
3. ลดความเสี่ยงที่เชื้อโรคจากมือเข้าตา (ได้มาก)
4. กันลมเข้าตาได้ดีกว่าคอนแทค
5. ลูกตาสะอาด สดใส
ข้อเสียของแว่นตา
1. ราคาแพง เมื่อสายตาเปลี่ยนต้องเปลี่ยนเลนส์ (หรือกรอบด้วย)
2. เกะกะ น่ารำคาญ
3. เลือกให้เข้ากะหน้าได้ยาก บางคนใส่กลายเป็นป้า, เด็กเรียน, เด็กแนว
4. ดั้งมีน้อย ใส่ลำบาก 5 5 5
5. (แลดูแล้ว) ตาจะเล็กลง :P
ข้อดีของคอนแทค
1. เปลี่ยน power ได้ทันทีที่สายตาเปลี่ยน
2. ใส่ครั้งเดียว สะดวกทั้งวัน
3. ไม่มีอะไรเกะกะบนใบหน้า
4. ลดความเฉิ่มของบางคนได้ :P (เปลี่ยน look นั่นเอง)
5. ราคาถูก เมื่อเที่ยบกับการตัดแว่น(ใช้ Duna รายเดือน ไม่ถึง 200.- ต่อคู่)คิดจาก คาราแว่นตา หารด้วย จำนวนเดือนที่คาดว่าสายตาจะไม่เปลี่ยน จะได้ราคาออกมาเป็นรายเดือน สรุปว่า แว่นแพงกว่า
ข้อเสียของคอนแทค
1. อัตราเสี่ยงของเชื้อโรคเข้าสู่ตาสูงมาก (เพราะขี้เกียจล้างมือให้สะอาด :P)
2. เสียเวลาในการใส่ และถอด ยิ่งตอนตื่นเช้า (ก่อนหน้านั้นได้นอนน้อย) รีบไปเรียน นี่เสียเวลามาก ๆ เพราะคอนแทคไม่ยอมติดตา เนื่องจากตาแห้ง -*-
3. ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียม (หรือเอาน้ำที่แช่นั่นแหละหยอด) เพราะตาขาดอ๊อกซิเจน กระพริบจะรู้นึกได้เรยว่าเจ็บ
4. ซื้อบ่อย ๆ (ใช้รายเดือน)
5. เล่นคอมนาน ๆ เจ็บตามาก เพราะมันกันแค่รังสี uv
6. เดินทางที พกหลายอย่าง น้ำตาเทียม น้ำยาแช่ ตลับ
อะไรอีกวะ นึกออกมาเพิ่มใหม่
ใครจะใส่อะไรก็แล้วแต่ แต่ขอให้รีบใส่ตั้งแต่ตอนที่สายตายังสั้น ๆ นะ มีสิทธิ์หายได้ มีสิทธ์ดึงสายตาให้กลับมาปกติได้ คน ๆ เดียวอาจจะเป็นได้ทั้งสายตาสั้นและ สายตายาว เพราะว่าสั้นก็ส่วนสั้น ยาวก็ส่วนยาว :D ไม่แปลกเลยที่เห็นบางคนใส่คอนแทคเพื่อแก้สายตาสั้น และใส่แว่นเพื่อแก้สายตายาว
กพบเจอปัญหาสายตากัน :P)นมแม่
นมแม่
บางบ้านอาจจะมีปลูกอยู่แล้ว เพราะเป็นพืชที่ขึ้นง่ายค่ะ หักกิ่งมาปัก รดน้ำสักอาทิตย์ก็ขึ้นแล้วค่ะ สรรพคุณที่มีอยู่ในตำรา ดูได้จาก
จริงๆ แล้วไม่มีบอกว่าช่วยเพิ่มน้ำนมนะคะ แต่เป็นการพบโดยบังเอิญค่ะ เนื่องจากตอนท้องแรก ลูกอายุประมาณ 4 เดือน ไม่สบายเลยหยุดให้นมกลางคืนไปสามสี่วัน หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าน้ำนมน้อยลง ไม่คัดตึงเหมือนก่อน บังเอิญว่ามีผู้แนะนำสมุนไพรตัวนี้ให้พี่สามีลองกินดู เพราะพี่สามีเป็นภูมิแพ้ค่ะ ผู้แนะนำบอกว่า ช่วยบำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณดี ก็เลยกินกันทั้งบ้านค่ะ ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเหมือนกินผักธรรมดา ปลอดสารพิษอีกต่างหาก เพราะเราปลูกเอง ไม่ได้ใช้ยาอะไรเลย
พอกินไปได้สองสามวัน ก็เริ่มรู้สึกว่าหน้าอกคัดตึง เหมือนเมื่อก่อน ก็เลยกินไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็พยายามหาข้อมูลว่ามันช่วยให้มีน้ำนมได้จริงหรือไม่ ก็ไม่เจอข้อมูลอ้างอิงใดๆ มีเท่าที่ทำ link ให้ข้างบน แค่นั้นเอง เคยให้ภรรยาเพื่อนลองกิน ก็ได้ผลเหมือนกันค่ะ
วิธีรับประทาน : ใช้ใบสด 7-8 ใบ เคี้ยวทานเลยก็ได้ค่ะ (ฉุนเล็กน้อย) หรือหั่นฝอยๆ คลุกกับข้าวผัด หรือข้าวสวย ทานกับกับข้าวอื่นก็ได้ค่ะ จะวันละมื้อหรือหลายมื้อก็ตามสะดวกค่ะ เหมือนผักสดชนิดหนึ่ง
หมายเหตุ : เคยเห็นมีคนเด็ดยอดนำมาแพ็คขายในเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ตรงแผนกผักสุขภาพ ปลอดสารพิษ เรียกว่า "ผักพันปี" หรือ " Cockle Bur" ลองดูนะคะ เมื่อซื้อมาแล้วเด็ดใบไปรับประทาน ก็เอากิ่งก้านที่เหลือไปปักลงดิน ปลูกต่อได้ค่ะ ถ้าใครหาไม่ได้และต้องการทดลองมาเอาที่บ้านก็ได้นะคะ (ศรีนครินทร์-สวนหลวง ร.9) ไม่เก็บเงินค่ะ เมล์มาถามทางได้ข้างล่างนี้เลยค่ะ
น้ำ
ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือน ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3 -7 วัน การดื่มน้ำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติ และมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกันการขับถ่ายของเสียก็ทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่น มีเลือดฝาด และไม่ปวดหลังหรือบั้นเอว เพราะสุขภาพไตแข็งแรง
การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว จะช่วยทำให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่น้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องดื่มน้ำเพราะความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงน้ำเป็น อาหารอันวิเศษ " ที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์อย่างถาวร
น้ำช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
น้ำสามารถช่วยไม่ให้ท้องผูก หากร่างกายได้รับน้ำน้อย ทำให้ขับถ่ายลำบาก ซึ่งทำให้เกิดท้องผูก แต่สามารถช่วยให้หายได้ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
ได้มีการค้นพบว่าน้ำมีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ร่างกายไม่สามารถทำหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์หากได้รับน้ำไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการเผาผลาญไขมันที่สะสม หากร่างกายเก็บน้ำไว้มากจะดูได้จากการที่มีน้ำหนักเกิน แต่แก้ไขได้โดยการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น การดื่มน้ำมากขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ ดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะพอ? โดยเฉพาะควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นอีก และจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหากคนๆ นั้นชอบออกกำลังกายหรืออยู่ในที่ ๆ
มีอากาศร้อนหรือแห้ง น้ำเย็นจะถูกดูดซึมในร่างกายได้เร็วกว่าน้ำอุ่น บางหลักฐานแนะนำว่าการดื่มน้ำเย็นจะช่วยเผาผลาญแคลลอรี่ศษ " ที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์อย่างถาวร
ดูและรักษารองเท้า
อย่าลืม ดูแลรักษารองเท้าอยู่เสมอนะคะ ^-^
ประชาธิปไตยคืออะไร?
ประชาธิปไตย
คำว่า ประชาธิปไตย หมายถึงระบอบการปกครองประเทศระบอบหนึ่ง ซึ่งเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน คำว่า “ประชาชน” ในที่นี้มิได้หมายความแต่เฉพาะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น คนร่ำรวย คนยากจน เจ้าของที่ดิน คนงาน หรือชาวนา เท่านั้น แต่หมายถึง ปวงชนทั้งชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนยากดีมีจนอย่างไร หรือประกอบอาชีพใดก็ตาม ปวงชนเหล่านี้ย่อมมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ในการปกครองประเทศร่วมกันและอย่างเสมอภาคกัน
ในระบอบประชาธิปไตย ถือความเห็นของปวงชนฝ่ายข้างมากเป็นเกณฑ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ในขณะเดียวกันสิทธิของปวงชนฝ่ายข้างน้อย ก็ย่อมได้รับความคุ้มครองโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งความเห็นฝ่ายข้างมากนั้น จะต้องเป็นความเห็นที่กอปรด้วยเหตุผล และเป็นธรรมด้วย
เมื่อพิจารณาในแง่ของศีลธรรมแล้ว จะเห็นได้แจ่มแจ้งว่า ระบอบประชาธิปไตยนี้ มีหลักการที่มีรากฐานสืบเนื่องมาจากศีลธรรมอย่างแท้จริง กล่าวคือ ระบอบประชาธิปไตยเคารพในความเป็นธรรม (Justice) เหตุผล (reason) เมตตาธรรม (compassion) ความศรัทธาในมนุษยชาติ (faith in man) และความเคารพในเกียรติภูมิแห่งมนุษยชน (human dignity)
เหตุผลสำคัญในเชิงการเมือง ของการจัดให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีสองประการคือ
ประการแรก : ระบอบการปกครองนี้ส่งเสริมให้ประชาชน มีส่วนมีเสียงในการปกครองประเทศโดยทั่วหน้ากัน บุคคลเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นบุคคลประเภทใด เมื่อร่วมกันทั้งชาติ ย่อมตัดสินใจได้ดีกว่าบุคคลเพียงคนเดียว หรือกลุ่มเดียวเท่านั้น และ
ประการที่สอง : ปวงชนทั้งชาตินั้นเอง ควรจะมีสิทธิที่จะเลือกผู้ที่จะมาปกครองตน และมาบริหารราชการแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ของปวงชน ไม่มีผู้อื่นใดเหมาะสม ที่จะเลือกผู้บริหารได้ดีกว่าปวงชนนั้นๆเอง
นอกเหนือจากรูปแบบของการใช้อำนาจโดยตรงและผ่านผู้แทนของประชาชนแล้ว สิ่งที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยได้แก่ปรัชญาของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมองไปที่ธรรมชาติของมนุษย์ กฎแห่งธรรมชาติ และ สภาวะธรรมชาติ โดยปรัชญารากฐานที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยนั้นสามารถรวบรวม
ปรชาธิปไตยของไทยแลกมาด้วยเลือด